การสอบ SAT ติวคณิต SAT Math By พี่แบงค์
 13 มีนาคม 2564 13:12:30
การสอบ SAT
ข้อสอบ SAT (ชื่อเดิม Scholastic Aptitude Test หรือ the Scholastic Assessment Test) เป็นข้อสอบที่นักเรียนม.ปลายในไทยส่วนใหญ่สอบเพื่อยื่นเข้าคณะอินเตอร์ในไทย หรือเรียนต่อระดับปริญญาตรีต่างประเทศทั่วโลก (โดยเฉพาะใน US) ข้อสอบ SAT วัดทักษะ 2 วิชา ได้แก่ อังกฤษและเลข โดยมีการเปิดสอบในไทยปีละ 4 ครั้ง** (มีนา,พฤษภา,ตุลา,ธันวา) ค่าสมัครสอบในไทย $100.50 (ประมาณ 3,300 บาท) ไม่รวมค่า late fee $29 สำหรับคนที่สมัครก่อนวันสอบประมาณ 1 เดือนหรือน้อยกว่า สถานที่สอบคือตามโรงเรียนอินเตอร์ต่างๆมีให้เลือกหลายที่ สมัครสอบได้ที่ website collegeboard

เริ่มเตรียมตัวเมื่อไหร่
เนื่องจากคะแนน SAT เก็บไว้ได้ 2 ปี ดังนั้นน้องที่วางแผนว่าจะเข้าคณะอินเตอร์ที่ต้องใช้คะแนน SAT สามารถสอบตอนม.5 หรือ grade 11 ให้คะแนนเป็นที่พอใจและเก็บคะแนนไว้ยื่นได้เลย ดังนั้นพี่คิดว่าเวลาที่เหมาะสมต่อการเตรียมตัวเพื่อการสอบ SAT คือตอนม.4 หรือ grade 10 ทั้งนี้ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปตามความสามารถของบุคคล เพราะน้องที่เรียนอินเตอร์มาตั้งแต่เด็ก อาจเตรียมตัวสอบตอน  ม. 5 และสอบให้คะแนนสูงเลยในปีนั้นก็เป็นไปได้ แต่น้องที่พื้นฐานภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง พี่คิดว่าม.4 คือช่วงเวลาที่เลทสุดที่จะเริ่มเตรียมตัวสำหรับ SAT โดยเฉพาะน้องที่อยากเข้าคณะยอดฮิตอย่าง BBA  EBA  ISE  BALAC ควรเตรียมตัวเรื่องภาษาอังกฤษตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าพื้นฐานไม่แข็งแรงใช้เวลาปูนานพอสมควรถึงจะทำข้อสอบ SAT ให้คะแนนเกิน 600 นะจ้ะ

อะไรคือ SAT Subject tests?
SAT กับ SAT subject tests ต่างกันยังไง? ข้อสอบ SAT มีสองแบบ คือ
1. SAT -- พี่ขอเรียกว่า SAT ธรรมดา เพราะมันไม่มีอะไรติดสอยห้อยท้าย ซึ่งตอนไปสอบจะประกอบไปด้วย 2 วิชา คือ เลขกับอังกฤษแยกสอบแค่วิชาเดียวไม่ได้ คะแนนเต็ม 1600 (เลขเต็ม 800, อังกฤษเต็ม 800) คณะส่วนใหญ่ใช้คะแนน SAT นี้กัน โดยSATเปิดสอบในไทยปีละ 4 ครั้ง (มีนา,พฤษภา,ตุลา,ธันวาตามตารางด้านบน แต่อาจเปลี่ยนแปลงในแต่ละปีต้องเช็คจากเว็ป collegeboard)
2. SAT subject tests
เป็นวิชาอื่นๆนอกเหนือจากเลขและอังกฤษ มีหลายวิชาให้เลือก เช่น sat math 1, sat math 2, ฟิสิกส์, เคมี และอื่นๆอีกมากมาย น้องสามารถสอบได้ทีละ 3 วิชา วิชาละ $22 (แต่มีค่า SAT subject Registration อยู่แล้ว $26 และค่าสอบนอกประเทศ US อีก $53) โดยน้องๆควรจะเช็คดู requirements ของคณะและมหาลัยที่น้องจะเข้าว่าใช้คะแนน SAT ธรรมดาอย่างเดียว หรือใช้ SAT subject tests ด้วย เช่น คณะวิศวะอินเตอร์ จุฬา ต้องสอบ subject tests 3 ตัวคือ sat math 2, ฟิสิกส์, เคมี และต้องสอบ SAT ธรรมดาด้วย มีบางคนสมัครผิดไปสมัคร sat math 1 ซึ่งเค้าไม่ได้ใช้นะจ้ะ

** น้องที่ต้องสอบทั้ง SAT และ SAT Subject Tests ควรวางแผนการสอบให้ดี เพราะบางเดือนมีเปิดสอบพร้อมกันทั้ง SAT และ SAT Subject Tests แต่เราสามารถเลือกสอบแค่อย่างเดียวต่อการสอบในเดือนนั้น จึงควรสอบ SAT ให้ได้ดีก่อน เพราะรอบเปิดน้อยกว่า เช่น เดือน October December มีเปิดทั้ง SAT และ SAT subject tests ก็อาจจะสอบ SAT ในสองเดือนนี้ แล้วค่อยไปสอบ SAT subject tests เดือน June หรือ November ที่เค้าเปิดแค่ SAT subject tests อย่างเดียว เพื่อไม่เป็นการลดรอบสอบ SAT ของตัวเอง (ก็มันเปิดแค่ปีละ 4 ครั้งอ่านะ)

SAT เลขสอบอะไรบ้าง ?
SAT เลข แบ่งออกเป็น 2 พาร์ท คือพาร์ทที่ไม่ให้ใช้เครื่องคิดเลข 25 นาที 20 ข้อ และพาร์ทที่ให้ใช้เครื่องคิดเลขได้ 55 นาที 38 ข้อ รวมกันสองพาร์ท 800 คะแนน เนื้อหาออก4หัวข้อใหญ่ตาม diagram    ด้านบนเลย
1. Heart of Algebra – หัวข้อนี้ออกสอบเยอะสุด 33% ของข้อสอบทั้งหมดแน่ะ พี่ว่าเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดด้วย เย้! จริงๆมันคือ Linear ทั้งหมดนั่นแหละ ไมว่าจะเป็นแก้สมการเส้นตรง1ตัวแปร ระบบสมการเส้นตรง2ตัวแปร อสมการเส้นตรง การตีความค่าคงที่ในสมการ/อสมการการแก้โจทย์ปัญหาการวาดกราฟเส้นตรงระบบสมการ+อสมการทุกสิ่งอย่างที่เป็นเส้นตรงคือหัวข้อนี้ออกทั้งpart calculator และ NO calculator ซึ่งถ้าออก part Cal ก็จิ้มโลด
2. Problem solving and Data Analysis – ออก29% แต่อยู่ใน part calculator ทั้งหมด เพราะฉะนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่การคิดเลขเลย แค่รู้เนื้อหาให้ครบก็ทำได้หมดแระ หัวข้อที่ออกก็จะเป็นพวกโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วน, เปอรเซ็นต์,ให้ตารางข้อมูล ให้กราฟแปลกๆให้ scatterplot มาแล้วก็ถามนู่นถามนี่ ส่วนมากมองๆแล้วคิดเลขนิดหน่อยก็ตอบได้เลย, ความน่าจะเป็นที่ใช้ในชีวิตจริง (ไมน่ากลัวเหมือนความน่าจะเป็นที่เรียนตามหลักสูตรม.ปลาย), สถิติพื้นฐานที่เราเคยเรียนกันมาเกือบหมดแล้ว, พวกค่าเฉลี่ย, มัธยฐาน, histogram, dot plot, box-plot, confidence interval อะไรแบบนี้ แล้วก็มีทฤษฎีทางสถิตินิดหน่อย เช่น การเก็บข้อมูลที่ดี การวิเคราะห์ข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูลหลายๆชุด เป็นต้น จริงๆนี่เป็นหัวข้อที่เนื้อหาไม่เยอะ เพราะแทบไม่มีสูตรต้องจำ แต่ต้องมีความอดทนในการอ่านโจทย์ยาวๆนิดนึง น้องๆก็อย่าไปท้อเวลาเจอตัวอักษรเยอะๆเนอะ หาสาระสาคัญให้เจอก็จะทำได้เต็มไม่ยาก
3. Passport to Advanced Math – ออก28% อยู่ทั้งใน part cal และ No cal แบบครึ่งๆ ชื่อบทเหมือนจะยากแต่ไม่ยากหรอก ส่วนมากก็จะเป็น Nonlinear ไมว่าจะเป็นสมการกำลังสอง, กาลังสาม, กราฟพาราโบลา, exponential, โจทย์ปัญหา nonlinear, การตีความค่าคงที่ในสมการ, แก้สมการติดรูท ติดยกกำลัง ติดเศษส่วน, พหุนาม, กราฟ, ฟังก์ชั่น, transformation ต่างๆ เป็นต้น หัวข้อนี้เด็กสายวิทย์ส่วนมากจะชอบเพราะไม่ต้องอ่านโจทย์ภาษาองักฤษอะไรยาวๆ จำสูตรได้ ใส่สูตรจบ! แต่ถ้าจำสูตรไม่ได้ก็จบเช่นกัน...
4. AdditionalTopics – ออก10% คือประมาณ6ข้อ หลายคนถามว่าทิ้งเลยได้มั้ยหัวข้อนี้ ก็ถ้าน้องมั่นใจใน3หัวข้อข้างบนแล้วคิดว่าจะเอาคะแนนแค่700ก็พอ ก็ตามใจ555 แต่ก็ไม่แนะนำนะ เพราะมันไม่ใช่เรื่องยาก6ข้อนี่ก็ประมาณ50-80คะแนนเลย ตอนยื่นคะแนนเข้ามหาลัย 10คะแนน ก็เป็นตัวตัดสินเลยว่าจะติดหรือไม่ติด จะเป็นสำรองที่ถูกเรียกหรือรอเก้อ ดังนั้นอย่าทิ้งเลย ส่วนเนื้อหาชื่อหัวข้อ Additional topics แต่จริงๆมันคือ Geometry นั่นแหละ = เรขาคณิตทั้งหลาย หามุมเส้นรูปเหลี่ยมทั้งหลาย พื้นที่ความคล้ายวงกลมตรีโกณมิติรูป3มิติ ปริมาตรอะไรพวกเนี่ย บวกกับเรื่องจำนวนเชิงซ้อนอีกข้อสองข้อ เรียนกันมาเกือบหมดแล้วตั้งแต่ม.ต้น ไม่ยากเกินความสามารถเราหรอก

สรุปคอร์ส “Win SAT MATH”
1. เรียนได้ทุกแผนการเรียน ทั้งสายวิทย์ และสายศิลป์
2. เหมาะกับนักเรียนที่อยู่ในชั้น ม.4-6 สอบชั้นใดก็ได้ เก็บคะแนนได้ถึง 2 ปี
3. สรุปเน้นๆ เนื้อหาทุก part ใน SAT MATH ที่จำเป็น
4. แนวข้อสอบครอบคลุมทุกแนวที่เคยออกข้อสอบ
5. ฝึกทำข้อสอบจริง เพื่อสามารถประเมินคะแนนก่อนลงสนามสอบจริง
6. ต้องการอัพคะแนนเพื่อยื่นเข้าคณะอินเตอร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ
สอนโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. กฤษฎา อัศวสกุลเกียรติ (พี่แบงค์)
ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหิดล ด้วยประสบการณ์สอนและติวกว่า 20 ปี



    


 

loading
loading
เพิ่มในกระเป๋าแล้ว
×
ชื่อคอร์ส
ราคา บาท
Line OA @davance
ติดต่อพี่แอดมิน