DAVANCE INTERVIEW
ฝ้าย : อักษิภรณ์ อินทรักษา |
พี่แอนน์ : แนะนำตัวหน่อยค่ะ ฝ้าย : ชื่อ อักษิภรณ์ อินทรักษา ชื่อเล่น ฝ้าย เรียนอยู่โรงเรียนสุรนารีวิทยา นครราชสีมาค่ะ ^^ พี่แอนน์ : คิดอย่างไรที่ได้คะแนนยอดเยี่ยม ฝ้าย : ตอนแรกที่เห็นก็อึ้ง แล้วก็ตะลึง ช็อกไปทั้งวันเลยค่ะ แต่ในใจลึกๆ ก็ประมาณว่า นี่เราทำเองหรอเนี่ย ทำได้ขนาดนี้เลยหรือ ...ก็เก่งใช่ย่อยนะเรา >< (แอบอายตัวเองเหมือนกัน ฮ่าๆๆ) พี่แอนน์ : ตอนสอบคาดหวังบ้างไหม ฝ้าย : ไม่ค่ะ ... ไม่คิดเลย คิดแค่ว่าขอให้หนูผ่านแค่ครึ่งก็เป็นบุญอันล้นพ้นแล้วค่ะ -/\- ![]() ![]() ฝ้าย : โห... พอใจมากคะ แม้ว่าวิชาอื่นจะดูหนักไปสักหน่อย แต่สำหรับภาษาไทยแล้ว ยอมรับว่าพอใจมากจริงๆค่ะ ^^ พี่แอนน์ : มีการเตรียมตัวหรือวางแผนอย่างไรในการสอบบ้างคะ แล้วเตรียมตัวมานานรึยัง ฝ้าย : ก็...ก่อนอื่นต้องขอสารภาพว่า ตอนสอบ 7 วิชาหลัก ไม่ได้อ่านหนังสือไปสอบเลย คือภาษาไทย อ่านแค่มินิไทยบุ๊คของอาจารย์ปิงตอนนั่งรถไปสอบ แต่ว่าก่อนหน้าที่จะสอบโควตาของมหาวิทยาลัยขอนแก่นและแกท/แพทรอบธันวาคม ได้ขนหนังสือของอาจารย์ปิงมาตั้งแล้วมุ่งมั่นอ่านแบบดับเครื่องชนสุดๆ ประมาณว่าข้อไหนที่ตอบผิดต้องรู้ว่าผิดเพราะอะไร เราวิเคราะห์ผิดยังไง เราควรปรับการวิเคราะห์ของเราตรงไหน เราเคยเรียนรู้มาก่อนมั๊ยประมาณนี้ค่ะ แต่ขอบอกว่าถ้าอ่านหนังสือไม่ทัน ให้ทำข้อสอบสามารถช่วยได้เยอะมากจริงๆ ค่ะ เพราะข้อสอบภาษาไทยส่วนใหญ่เป็นแนววิเคราะห์มากกว่าแนวท่องจำอยู่แล้ว พี่แอนน์ : อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการสอบคะ ฝ้าย : การวิเคราะห์ข้อสอบและข้อจำกัดของเวลาค่ะ ^^ เพราะว่าถ้าเราวิเคราะห์ได้ แต่ทำไม่ทันเวลา หรือว่า ทันเวลาแต่วิเคราะห์ไม่ได้ เราย่อมเสียคะแนนทั้งนั้นค่ะ พี่แอนน์ : ข้อสอบของเคลียริ่งเฮาส์เป็นอย่างไรบ้าง ฝ้าย : ในความคิดของหนูนะคะ ... กลางๆ ค่อนไปทางยาก .. เพราะว่าบางข้อมีช้อยส์แบบกำกวม แบบงงๆ ให้เราอ่านโจทย์มึนๆ สักสองรอบ แล้วก็มามึนๆ กับช้อยส์อีกสักสองรอบ ให้เรางงเล่นๆ แล้วข้อสอบแนววิเคราะห์ทั้งการใช้โวหาร การบอกจุดประสงค์ ความรู้สึกของผู้เขียน ซึ่งหนูคิดว่าออกข้อสอบแบบนี้แหละค่ะ ที่ทำให้เสียคะแนนไปไม่น้อยทีเดียว (แค่วิเคราะห์ผิดก็ตอบผิดแล้วค่ะ)
![]() ![]() ฝ้าย : โห..คงไม่ถึงขนาดเก่งหรอกค่ะ ^^ เพราะว่าวิชาอื่นหนูก็สาหัสเอาการอยู่ >< แต่ถามว่าอะไรที่ทำให้เราสามารถลุยกับข้อสอบได้ แล้วได้คะแนนดีเนี่ย หนูคิดว่าอย่างแรกคือ สมาธิจดจ่อกับข้อสอบที่ทำ เพราะจะทำให้เราสามารถดึงความรู้ของเราออกมาได้ดีกว่านั่งยุกยิกไปมา อย่างที่สองคือตั้งใจทำ เพราะการตั้งใจเหมือนเราชนะตัวเอง และเป็นแรงผลักให้เราสามารถเอาชนะข้อสอบได้ อย่างที่สามคือถ้าหากคิดว่าเราไม่เก่ง เราต้องพยายามแก้ให้รู้ในส่วนที่ยังไม่รู้ แล้วทบทวนส่วนที่รู้ให้มันรู้แบบเข้าใจจะทำให้จำได้ อย่างสุดท้ายคือ อย่าเครียดกับมันมาก อาจเอาความเครียดมาเป็นแรงผลักตัวเอง แต่ไม่ต้องบ่อยมาก เพราะมันเป็นการกดดันตัวเอง สมองก็ทำงานหนักมากขึ้น ก็ทำข้อสอบไม่ได้อยู่ดี หาเวลาคลายเครียด ดูการ์ตูน เล่นคอม ให้หายเครียดแล้วค่อยไปอ่านหนังสือต่อดีกว่าค่ะ ^^ พี่แอนน์ : เด็กเรียนดีจำเป็นต้องขลุกอยู่กับตำราไหม ฝ้าย : ไม่จำเป็นค่ะ ! (มั่นใจมาก) อาจพกหนังสือเรียนไปไหนมาไหน นั่งอ่านบ้างระหว่างวัน ตามประสาเด็กขยัน ก็ไม่เสียหายอะไรค่ะ แต่ถ้าตื่นเช้ามายังไม่ทำอะไรก็กางตำรา กินข้าวก็กางตำรา เพื่อนชวนไปเล่นก็กางตำรา ชีวิตอยู่กับตำราเรียนตลอดเวลา นอกจากทำให้สุขภาพจิตแย่แล้ว ยังพลาดความสนุกในวัยเรียนที่เราคงหาไม่ได้อีกแล้วตลอดชีวิตนี้ พี่แอนน์ : ตอนนี้ติดที่ไหนบ้างหรือยัง ฝ้าย : ก็...ติด คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ค่ะ (แอบติดสำรอง สถาปัตย์ฯ ม.เกษตรด้วย ^^) ![]() พี่แอนน์ : อยากเข้าเรียนคณะไหน/มหาวิทยาลัยใด เพราะอะไร ฝ้าย : ถ้าเป็นความฝันอันสูงสุด ขอยกให้สถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ค่ะ ^^ แต่ว่าทั้งนี้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เครียดอะไรค่ะ ^^ ที่อยากเข้าคณะสถาปัตย์เพราะคิดว่าเป็นคณะที่ไม่ได้ไปทางวิทย์มาก แล้วก็ไม่ได้ไปทางศิลป์มาก แต่เป็นการนำเอาความรู้ของทั้งสองด้านมาประยุกต์ใช้ด้วยกันอย่างลงตัว (ง่ายๆ คือ ชอบที่มันครึ่งๆ กลางๆ อ่ะค่ะ) แล้วที่อยากเรียนที่ ม.เกษตร เพราะอย่างแรกคือคุณพ่อจบ ม.เกษตร ได้มาคลุกคลี และมีโอกาสได้เข้ามาเที่ยวเล่นใน ม.เกษตร ทำให้รู้สึกว่าอยากเรียน อย่างที่สองคือชอบแนวคิดของคณะที่เน้นไปที่การออกแบบลดโลกร้อนที่ตอนนี้ค่อนข้างเป็นปัญหาระดับโลก ทำให้เราได้คิดว่าเราจะมีการปรับปรุงสิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมยังไง ให้เป็นมิตรกับทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อม เราจะปรับอะไรได้บ้างกับสภาพสถานการณ์แบบนี้ (จริงจังมาก) พี่แอนน์ : เวลาเรียนมีเครียดไหมและมีวิธีคลายเครียดอย่างไร ฝ้าย : มีแน่นอนค่ะ เป็นของคู่กันกับนักเรียนจริงๆ >< ถ้าคลายเครียดแบบเบาๆ ก็ปิดหนังสือ ออกมาเดินเล่น หรือฟังเพลงแล้ว ร้องคลอๆ ตาม พอหายปวดตาปวดหัว ก็ไปอ่านใหม่ แต่ถ้าแบบจัดเต็ม ก็เล่นเกม เปิดคอม หาอ่านอะไรที่สบายใจ ไม่ก็นอนหลับไปเลย แนะนำวิธีหลัง เพราะเวลาเราตื่นมา เหมือนได้รีเฟรชสมองใหม่ อ่านอะไรจะจำได้ง่ายขึ้นค่ะ ^^
![]() ฝ้าย : หลายๆ คนอาจคิดว่าสิ้นเปลือง แต่สำหรับหนู การเรียนกวดวิชาเป็นการสรุปความรู้ที่เป็นแบบเจาะมุ่งตรงในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย (แต่ที่โรงเรียนเรียนแบบเรื่อยๆ ให้จบตามหลักสูตร) มีทั้งเทคนิคการจำ ได้รู้แนวข้อสอบที่ออกบ่อยๆ มีคนแนะนำในการทำข้อสอบ ตรงไหนควรระวัง ตรงไหนควรจำ เราจะได้ไม่จำสะเปะสะปะ เราสามารถสร้างแมพปิ้งในหัวเราได้ว่าวิชานี้มีเรื่องนี้ มีสูตรอย่างนี้ มีเทคนิคอย่างนี้ ทำให้สัมฤทธิ์ผลในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย มีแนวโน้มที่ดีกว่าการเรียนแต่ในโรงเรียน พี่แอนน์ : ทำไมถึงตัดสินใจมาเรียนที่ดาว้องก์คะ ฝ้าย : จริงๆ ได้ยินชื่อดาว้องก์มานานแล้วค่ะ ตั้งแต่อยู่ ม.ต้น แต่ถ้าได้ศึกษาคอร์สได้ดูรายละเอียดจริงๆ ก็ช่วงประมาณวางแผนการเรียนพิเศษตอนช่วงซัมเมอร์ขึ้น ม.6 เพราะมีทั้งเพื่อนและรุ่นพี่แนะนำมา และที่เลือกเรียนเพราะคำแนะนำจากเพื่อนๆและรุ่นพี่อีกเช่นเคยค่ะ ทั้งดี สนุก แล้วมาคิดเองด้วยว่า สังคมและไทยถ้าหนูอ่านเองคงไม่รอดแน่ เพราะแค่เปิดหน้าแรกเหมือนโด๊ปยานอนหลับ และเนื้อหาของทั้งสองวิชาก็เยอะมาก และสรุปยากมาก จึงเลือกมาเรียนที่ดาว้องก์ค่ะ พี่แอนน์ : เรียนดาว้องก์คอร์สไหน/สาขาใด ฝ้าย : เรียนคอร์สอินเทนซิป ช่วงเดือนเมษา สาขานครราชสีมาค่ะ พี่แอนน์ : ได้อะไรจากดาว้องก์บ้างนอกจากความรู้ ฝ้าย : ได้ความเฮฮา แบบฮาท้องแข็ง ความสนุกก็ไม่แพ้กัน ในทุกๆ ครั้งที่อาจารย์ปิงเล่าเรื่อง เหมือนได้ไปเที่ยวกับอาจารย์ อาจารย์ปิงมักมีรูปจากที่ต่างๆ มาฝากเสมอ นอกจากนี้ยังได้เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ในการดำเนินชีวิต คำพูดของจารย์ปิงที่ติดหูเลยคือ “จำไว้นะคะ น้องหญิง น้องชาย…” มักขึ้นประโยคเวลาอาจารย์ปิงแนะนำสิ่งต่างๆ กับนักเรียน มิตรภาพเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ได้จากการเรียนดาว้องก์ ทั้งคนที่อยู่ในห้องสดที่อาจารย์มักชวนขึ้นมานั่งข้างๆ (ทำให้คนนั้นเป็นคนดังไปเลย >< ) และคนที่นั่งข้างๆ เราในห้องวิดีโอ ...ได้หลายอย่างจริงๆ ค่ะ คุ้มค่ะคุ้ม >< ![]() ฝ้าย : อยากให้น้องๆ มุ่งมั่น และตั้งเป้าหมายของน้องให้ดีๆ จับมันไว้ให้มั่น แล้วมุ่งไปหามันแบบทุ่มสุดตัว อาจมีเหนื่อย มีพัก มีแวะเดินเล่นบ้าง แต่เรายังคงจับเป้าหมายของเราไว้ โดยเฉพาะน้องๆ ที่ยังอยู่ ม.4 และ ม.5 น้องยังมีเวลาในการเริ่มต้นอ่านหนังสือ เริ่มต้นตอนนี้ยังไม่สายเกินไป ยิ่งน้องเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ น้องยิ่งมีเวลาพัก มีเวลาเดินเล่น ลั๊นลามากขึ้น แต่น้องที่ขึ้น ม.6 ก็ยังไม่สาย (เพราะตอนที่พี่เริ่ม ก็อยู่ในช่วงเดียวกับน้องนี่แหละ >< ) แค่ยึดเป้าหมายน้องไว้ ต่อให้ไฟลนก้น น้องต้องไม่ลนลาน น้องต้องมีสติเพื่อก้าวไปสู้จุดหมายต่อไป อาจารย์ปิงเคยบอกไว้ว่า “ม้าตีนปลายน่ะ น่ากลัว” นั่นคนเก่งไม่เท่าไหร่ ....คนขยันน่ะน่ากลัวกว่า เดินต่อไปให้ถึงจุดหมาย จับเอาไว้ให้ดีแล้วก็วิ่งไปหามัน ! พี่แอนน์ : อยากทราบเทคนิคในการอ่านหนังสือ ฝ้าย : สำหรับหนูคือ อ่านแล้วจด คืออ่านแล้วทำเป็นโน้ตย่อไว้ เพราะว่าหนูเป็นคนชอบจด ชอบวาดๆ เขียนๆ เวลากลับมาอ่านจะได้ไม่ต้องแบกตำราเล่มหนาออกมาอ่านให้เปลืองเวลา แต่ถ้าใครไม่ชอบจด ให้ทำโจทย์ไปเลย อาจอ่านทบทวนก่อนเล็กน้อย พอให้จำได้แล้วลุยโจทย์เต็มที่ (วิธีหลังประสิทธิภาพดีมาก) ตรงไหนไม่เข้าใจเปิดหนังสือดูให้เข้าใจ ตรงไหนเข้าใจแล้วให้ทบทวน ถ้าเหนื่อยก็พักบ้าง ยิ่งเราฝืนยิ่งเป็นโทษกับตัวเรา ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีๆ เพราะถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมาแล้ว จะเป็นปัญหาใหญ่มากในการอ่านหนังสือ เอาพอเบาๆ พอดีๆ แล้วก็จะดีเอง ^^ พี่แอนน์ : อยากให้ฝากเทคนิคที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการเรียนถึงเพื่อนๆ และน้องๆ กันสักนิด ฝ้าย : จริงๆ หนูไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรมากมาย อาศัยว่าทบทวนบทเรียนก่อนสอบ จดโน้ตย่อเล็กน้อย แล้ววิ่งเข้าห้องสอบ ^^ แต่ถ้าในระยะยาว สิ่งแรกที่จำเป็นมากคือ ความขยัน ขยันทำงานส่งอาจารย์ ขยันมาโรงเรียน ขยันขวนขวายหาความรู้ ไม่ใช่ขวนขวายแบบน้ำไหลไฟดับนะคะ เอาแบบเบาๆ พอคลายความอยากรู้ หรือความสงสัยของเรา และนำไปใช้ได้เป็นพอค่ะ อย่างที่สองให้มีความร่าเริงสนุกสนานอยู่เสมอค่ะ การที่เราอยู่โรงเรียนเราจำเป็นต้องมีมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่น ถ้ามาโรงเรียนมานั่งปั้นหน้าเมื่อย นั่งเรียนๆ แล้วแบกกระเป๋ากลับบ้าน ถือว่าใช้ชีวิตในการเรียนไม่คุ้มนะคะ ความร่าเริงสนุกสนานยังทำให้เราคลายความเครียดจากการเรียนได้เป็นอย่างดีเลยนะคะ อย่างสุดท้ายคือ ตั้งใจค่ะ ตั้งใจที่จะทำเกรดให้ดี ตั้งใจที่จะสอบเข้าคณะที่อยากได้ แล้วความตั้งใจย่อมเป็นแรงผลักให้เราลุกเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่ย่อท้อเลยทีเดียว พี่แอนน์ : ฝากอะไรถึงอาจารย์ไหมคะ ฝ้าย : โห..ฝากถึงอาจารย์ปิง ฝากทั้งหน้ากระดาษก็คงไม่หมด >< (เว่อมาก) อยากให้อาจารย์ ดูแลสุขภาพ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ (อาจารย์ไอบ่อย เพราะแอร์เข้าคอ อิอิ^^) อาจารย์ปิงเป็นอาจารย์ที่สร้างทัศนคติใหม่ในการเรียนของหนูเลย >< สั้นๆ เลยนะคะ “อาจารย์ปิงคือเบื้องหลังความสำเร็จของพวกหนูนะคะ” รักอาจารย์ปิงจัง >////< ***ความตั้งใจย่อมเป็นแรงผลักให้เราลุกเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่ย่อท้อ***
|
บทสัมภาษณ์ที่ 1 ประเทศ วิชาภาษาไทย เคลียริ่งเฮาส์ ปี 2555